ซะกาตทรัพย์สิน(มาล)

ประเภทของซะกาต (ทานบังคับ)  แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. ซะกาตอาหาร หรือซะกาตฟิตเราะห์ และ 2. ซะกาตทรัพย์สิน หรือ ซะกาตมาล

 Zakat ประเภทซะกาต

ซะกาตทรัพย์สิน ภาษาอาหรับ เรียกว่า “ซะกาตมาล” เป็นซะกาตที่มีการกำหนดเวลา และมีเงื่อนไขของจำนวน เก็บเฉพาะมุสลิมที่มีทรัพย์สินถึงจำนวนที่กำหนด ถ้ามีต่ำกว่า ไม่ต้องจ่ายซะกาต ทรัพย์สินที่ต้องจ่ายซะกาต มีดังนี้

Zakat-ซะกาต

 1. โลหะเงินและทองคำ เงินสด เงินในบัญชี หุ้น สินค้า หากมีมูลค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก 85 กรัม หรือประมาณ 5.66 บาท (ทองคำ 1 บาท หนัก 15 กรัม) เมื่อครบรอบปีต้องจ่ายซะกาต 2.5% จากทรัพย์สินเหล่านี้

(โดยมีข้ออ้างอิงจากพระวัจนศาสดาบทหนึ่งซึ่งรายงานโดยท่านอาลี (ร.ฎ.)ว่า ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า : เมื่อท่านครอบครองไว้ สองร้อยดิรฮัม และครบรอบปี ต้องจ่ายซะกาตห้า ดิรฮัม และไม่มีอะไรที่ท่านจะต้องจ่าย(หมายถึงทองคำ) จนกว่าท่านจะครอบครองมันไว้ ยี่สิบดีนาร เมื่อท่านครอบครองไว้ยี่สิบดีนาร และครบรอบปี ท่านต้องมีซะกาตครึ่งดีนาร และส่วนที่เกินจากนั้นก็ให้ใช้หลักคำนวนเช่นกัน และไม่พึงต้องจ่ายซะกาตในทรัพย์สินจนกว่า จะครบรอบปี.. รายงานโดย อบูดาวุด ส่วนเครื่องประดับที่ประดิษฐ์จากทองคำหรือเงิน มี 2 ลักษณะด้วยกันคือ

 1. เครื่องประดับที่ถูกเก็บไว้ เพื่อการเช่า ซึ่งในกรณีนี้ นักวิชาการทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า พึงจำเป็นต้องจ่ายซะกาต โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ

 2. เครื่องประดับที่ถูกนำมาใช้ประดับ ก็จำเป็นต้องจ่ายซะกาตเช่นกันตามทัศนะของนักวิชาการที่หลักฐานในการอ้างอิงของพวกเขาแข็งแรงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง

 

zakat ผลผลิตการเกษตร

 2. ผลผลิตจากการเกษตร

 (ต้องจ่ายซะกาตของธัญญพืชและผลไม้ทันทีเมื่อครบตามพิกัด ซึ่งพิกัดของธัญญพืชและผลไม้นั้น คือ 5 วะสัก ดังคำกล่าวของท่านรอซูล (ซ.ล.) ความว่า : ในสิ่งที่ต่ำกว่า ห้า วะสัก ไม่ต้องจ่ายซะกาต.. รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม

 โดย 1 วะสัก เท่ากับ 60 ซออฺ ดังนั้น 5 วัสก์ เท่ากับ 300 ซออฺ ซึ่ง 1 ซออฺเท่ากับ 3 ลิตร โดยถ้าคำนวนตามนี้ พิกัด ธัญญพืชและผลไม้เท่ากับ 800 ลิตร (หากเป็นข้าวสารเท่ากับ 60 ถังโดยประมาณ)

 และไม่กำหนดวาระของธัญญพืชและผลไม้ ดังพระดำรัสของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่ว่า

 ความว่า : และเจ้าทั้งหลายจงจ่ายสิทธิ์ของมันในวันที่เก็บเกี่ยวมัน  [ซูเราะฮฺ อัลอันอาม จากโองการที่ 141]

 ส่วนอัตราของซะกาตชนิดนี้ มี 2 ประเภท ด้วยกันคือ

 1. ผลผลิตจากแหล่งเกษตรที่อาศัยน้ำ จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ฝน ลำคลอง เป็นต้น อัตราที่ต้องจ่ายคือ ร้อยละสิบ หรือ 10% ของผลผลิตรวม.

 2. ผลผลิตจากแหล่งเกษตรที่ต้องใช้แรง หรือเครื่องทุนแรง เช่นใช้ระหัดฉุดน้ำ หรือเครื่องยนต์เป็นต้น อัตราที่ต้องจ่ายคือ ร้อยละห้า หรือ 5% ของผลผลิตรวม. ดังหลักฐานจากวจนะของท่านรอซูล(ซ.ล.) ความว่า : สำหรับพืชที่ใชัน้ำฝนรด ตาน้ำ หรือลำคลอง หรืออาศัยลำต้นดูดน้ำ ต้องจ่ายซะกาต เศษหนึ่งส่วนสิบ(ร้อยละสิบ) และพืชที่ อาศัยการฉุดน้ำด้วยระหัด ต้องจ่ายซะกาต ครึ่งหนึ่งของเศษหนึ่งส่วนสิบ (ร้อยละห้า). รายงานโดยบุคอรี)

ซะกาต ปศุสัตว์

 3. ปศุสัตว์ เช่น แพะ แกะ วัว ควาย อูฐ เป็นต้น

(ได้แก่ อูฐ วัว แพะหรือแกะ การจ่ายซะกาตของสัตว์เหล่านี้ มีกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขว่า ต้องเป็นสัตว์ที่ถูกเลี้ยงให้หากินเองตามที่สาธารณะเป็นส่วนใหญ่ ตามหลักฐานจากวัจนศาสดา. – ความว่า : ในอูฐที่เลี้ยงตามทุ่งหญ้าสาธารณะนั้นมีซะกาต.. รายงานโดย อะฮฺมัด อบูดาวุดและนาซาอี

 และจากวัจนศาสดาอีกบทหนึ่ง – ความว่า : ซะกาตของแพะนั้น คือ (แพะ) ที่เลี้ยงตามทุ่งหญ้าสาธารณะ .. รายงานโดย บุคอรี  การจ่ายซะกาตของสัตว์เหล่านี้มีเงื่อนไขอยู่ว่า ต้องครอบครองครบตามพิกัดในช่วงครบรอบปี

ซะกาตสินแร่

 4. ขุมทรัพย์ที่พบได้ในแผ่นดิน (สินแร่และทรัพย์ที่ถูกฝังดินไว้)

 1. สินแร่ หมายถึง สิ่งที่ถูกขุดพบจากพื้นดินและมีค่า ซึ่งไม่ใช่พืชพันธุ์ เช่น แร่ทองคำ แร่เงิน แร่เหล็ก ทับทิม และน้ำมันดิบ เป็นต้น

 

 ทรัพย์สินประเภทนี้จำเป็นต้องจ่ายซะกาตเช่นกัน ดังพระดำรัสของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ความว่า : บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริจาคส่วนหนึ่งจากบรรดาสิ่งดีๆ ของสิ่งที่พวกเจ้าได้แสวงหาไว้ และจากสิ่งที่เราได้ให้ออกมาจากดินสำหรับพวกเจ้า [ ซูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮฺ โองการที่ 167]

 และไม่ต้องสงสัยเลยว่า สินแร่คือสิ่งที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.)ทรงบันดาลให้ออกมาจากดินเพื่อมวลมนุษย์.

 นักวิชาการส่วนใหญ่ เห็นว่าการกำหนดพิกัดของทรัพย์สินประเภทนี้ จำเป็นเช่นกันในการจ่ายซะกาต โดยอัตราที่ต้องจ่ายเป็นซะกาตคือ ร้อยละ 2.5 หรือ 2.5% ของทรัพย์ที่ขุดพบ เปรียบเทียบกับอัตราของเงินและทองคำ และทรัพย์สินประเภทนี้ไม่มีการกำหนดวาระ โดยต้องจ่ายซะกาตในขณะที่ขุดพบตามพิกัดทันที

 2. ทรัพย์ที่ถูกฝังดินไว้ หมายถึง ทรัพย์สินที่ถูกขุดพบ ซึ่งถูกฝังไว้ในยุคก่อนอิสลาม ไม่ว่าจะขุดพบในแผ่นดินอิสลามหรือไม่ก็ตาม ทรัพย์สินประเภทนี้จะถูกจารึกสัญลักษณ์ต่างๆของชาวกาฟิร เช่น ชื่อกษัตริย์ ชื่อเจ้าของ ภาพของคน หรือภาพของเทวรูปต่างๆ แต่ถ้าสิ่งที่ถูกจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์ของมุสลิม เช่น ชื่อนบี หรือชื่อผู้นำมุสลิมหรือโองการอัลกุรอาน หรือไม่ปรากฏสัญลักษณ์ใดอยู่เลย เช่น ถ้วยจาน เครื่องประดับ สร้อยเป็นต้น ทรัพย์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือว่า เป็นของสูญหาย ไม่สามารถนำมาครอบครองได้ จนกว่าจะประจักษ์ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ เนื่องจากทรัพย์สินของมุสลิมเป็นกรรมสิทธ์แด่เจ้าของตลอดไป

อัตราซะกาตของทรัพย์สินประเภทแรกนั้น (ไม่ใช่ของมุสลิม) คือ หนึ่งส่วนห้า หรือร้อยละ 20 ของสิ่งที่ถูกขุดพบ โดยไม่จำกัดพิกัดจำนวนใดๆทั้งสิน จึงจำเป็นต้องจ่ายซะกาต ไม่ว่าจะขุดพบจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม ดังวจนะของท่านรอซูล (ซ.ล.) จากการรายงานของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺที่ว่า ความว่า: และในสิ่งที่ขุดพบนั้น (ต้องจ่ายซะกาต) หนึ่งส่วนห้า..

 ซะกาตของทรัพย์ชนิดนี้ จะถูกจ่ายให้กับการบำเพ็ญบ้านเมืองมุสลิม และส่วนที่เหลือหลังจากซะกาตแล้ว เป็นกรรมสิทธ์ของผู้ขุดพบ ดังที่ท่านอุมัร (ร.ฎ.)ได้มอบส่วนที่เหลือแก่ผู้ขุดพบมัน

อัตราการจ่ายซะกาตดังกล่าว สามารถสรุปได้ดังตาราง

ชนิดทรัพย์สิน

พิกัดต่ำสุด

อัตราซะกาต

รอบปี

1.ทองคำ  เงิน  เงินออม ค่าจ้าง  หุ้น  ส่วนแบ่งและทรัพย์สินเพื่อการทำธุรกิจค้าขาย

ทองคำน้ำหนัก 85 กรัม

2.5%

1 ปี

2.ปศุสัตว์     สามารถดูรายละเอียดได้ที่     http://www.islamhouse.com/330802/th/th/articles/ซะกาตปศุสัตว์

3.ผลผลิตจากการเพาะปลูก

700  กิโลกรัม

10% (ในกรณีใช้น้ำฝน)

5% (กรณีใช้น้ำจากการชลประทาน)

4.ทรัพย์สินที่ค้นพบ

พิจารณาตามพิกัดทองคำ

20 %

 

ที่มา : “ระบบซะกาต (ทานบังคับ) : เศรษฐกิจชุมชนในอิสลาม” โดย วรรณวดี พูลพอกสิน

:ชมรมมุสลิม ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s